Dec
27
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแดดที่เราสัมผัสทุกวัน
แสงแดดมีผลกระทบทางชีวภาพมากมาย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือการสร้างวิตามินดี ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันภาวะภาวะกระดูกพรุนได้, ความลับของแสงแดดยังช่วยลดภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย แต่ก็ยังมีข้อเสียอื่นๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- skin type : ผิวขาว (melonin ค่อนข้างนอก) จะมีปัญหาผิวไหม้แดดได้ง่ายกว่าผิวแทน เนื่องจากดูดซับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) ได้มากกว่า แม้อยู่ในสภาวะเดียวกัน
- Sesonal: องศาของพระอาทิตย์กับโลกขึ้นกับกับการโคจร. ช่วงฤดูร้อนคือช่วยที่พระอาทิตย์กับโลกตั้งฉากต่อกัน โลกก็จะได้รับรังสี UVมากกว่าฤดูการอื่นๆ
- อากาศ: เมฆสามารถช่วยดูดซับแสงยูวีได้ในระดับนึง แต่ก็ยังสามารถทำร้ายผิวได้อยู่เช่นกัน, ความชื้นหรือน้ำในอากาศช่วยสะท้อนรังสีได้ดังนั้น อากาศที่แห้งจึงมีผลต่อการโดยทำร้ายจากแสงแดดมากกว่า
- ปริมาณกันแดดในการทา ไม่เพียงพอต่อกิจกรรมที่กำลังทำ ปริมาณที่แนะนำคือ 2 mg ต่อตารางเซนติเมตร การทาซ้ำเมื่อทำกิจกรรมที่มีเหงื่อเยอะหรือกิจกรรมทางน้ำ
แสงแดดประกอบด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า รังสียูวี (UV Rays) แบ่งเป็น 3 ชนิด UVA, UVB and UVC
- UVC ความยาวคลื่นในช่วงตั้งแต่ 100 – 280 nm ถูกบล็อกตั้งแต่ชั้นบรรยากาศโลก (ozone layer)
- UVB ความยาวคลื่นในช่วงตั้งแต่ 280 – 320 nm ถูกบล็อกตั้งแต่ชั้นบรรยากาศโลกส่วนใหญ่ แต่มีบางส่วนประมาณ 0.1% ลงมาถึงผิวโลกได้สามารถทะลุผิวหนังได้ถึงแค่ชั้นผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) UVB คือตัวต้นเหตุหลักของการปัญหาผิวไหม้แดด (Sunburn) ผิวมีอาการแดดถึงอักเสบและมะเร็งผิวหนัง
- UVA ความยาวคลื่นในช่วงตั้งแต่ 320 – 400 nm มีความยาวของคลื่น UVA สามารถทะลุเข้าถึงผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) องค์ประกอบหลักคือ
คอลลาเจน (Clollagen) และ อิลาสติน(Elastin) ให้ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ให้ผิวมีสุภาพดีดูอ่อนเยาว์ ดังนั้นการถูกทำร้ายจาก UVA เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าจากการสัมผัสแสงแดด (photoaging)
รูปและข้อมูลจาก https://aktinovolia.com/measurement-ultraviolet-radiations-uva-uvb-uvc/